แยกให้ออก ความฟุ่มเฟือยกับความพอดี
แยกให้ออก ความฟุ่มเฟือยกับความพอดี

ถ้าคุณมีเงินเดือน 15,000 บาท เดือนนึงทำงาน 22 วัน วันละ วันละ 8 ชั่วโมง เดินทาง ไป-กลับ 2 ชั่วโมง เป็น 10 ชั่วโมง เท่ากับคุณทำงานเดือนละ 220 ชั่วโมง คุณจะมีค่าแรงคิดเป็นชั่วโมงละ 68 บาท หรือ ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ง่ายๆ 70 บาท/ชั่วโมง
ถ้าคุณกินกาแฟแก้วละ 140 บาท นั่นเท่ากับคุณแลกเวลาในชีวิตไป 2 ชั่วโมงเพื่อกาแฟแก้วนั้นถ้าคุณกินบุฟเฟ่หรูมื้อละ 350 บาท นั่นเท่ากับคุณแลกเวลาในชีวิตไป 5 ชั่วโมงเพื่อกาแฟแก้วนั้น ถ้าคุณซื้อโทรศัพท์เครื่องละ 30,000 บาท นั่นเท่ากับคุณแลกเวลาในชีวิตไป 428 ชั่วโมงเพื่อมือถือเครื่องนั้น ถ้าคุณซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมราคา 70,000 บาท นั่นเท่ากับคุณแลกเวลาในชีวิตไป 1,000 ชั่วโมงเพื่อกระเป๋าใบนั้น

อายุเฉลี่ยของคนเราอยู่ที่ 70 ปี หรือ 613,200 ชั่วโมง ถ้านอนวันละ 8 ชั่วโมง เราจะเหลือชีวิตที่รู้สึกตัว เวลาที่ตื่นนอนอยู่ 408,800 ชั่วโมง แต่ละชั่วโมงถูกใช้ไปแลกกับ อาหาร สิ่งของ และ ของฟุ่มเฟือยอื่นๆ แค่เพื่อตอบสนองกิเล สส่วนตัว หรือ อาจแค่เพื่ออย ากให้มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ได้บอกว่าห้ามซื้อ ห้ามฟุ่มเฟือย หรือทำแบบนี้แล้วผิด อยู่ที่ความพอใจของแต่ละคน แต่ ประเด็นคือถ้าซื้อน้อยลง คุณก็จะมีเวลาใช้ไปกับสิ่งที่รัก คนที่รักเพิ่มขึ้น บนความพย าย ามเท่าเดิม คิดก่อนซื้อ ดีกว่ามั้ย?

คุณมีเงินมาก หรือ น้อย ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ใช่เชื่อมั่นใน กาแฟราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู รถหรูที่ต้องก้มหน้าก้มตาผ่อน ของเหล่านี้อาจดูดีดูเท่ แต่ถ้าความสามารถ และ รายได้เรายังไม่พออย่าใช้ชีวิตเกินตัว คนที่ฟุ่มเฟือยแล้วไม่เดือดร้อนก็มี เพราะเขามีกำลังซื้อ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่แบบนั้น ทำไปเพราะ หน้าใหญ่ ใจโต

ความเชื่อมั่นในตัวเองของคุณจะเป็นตัวตัดสินว่า คุณจะกล้าเชื่อมั่นในอะไรสักอย่างไหม กล้าที่จะเดินสวนทางกับแนวคิดส่วนใหญ่ในสังคมไหม ถ้าคุณไม่กล้าเชื่ออะไรสักอย่าง คุณก็จะไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย แล้วเมื่อคุณไม่เริ่มต้นก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างก็คงเป็นไปแบบเดิม ในแบบที่กระแสสังคมพาไป

ขอขอบคุณข้อมูล verrysmilejung อ่านเพิ่มเติมดูข่าวต้นฉบับ https://verrysmilejung.com