ใบลาออก จากความไม่สบายใจ (สละเวลาอ่านแค่ 2 นาที แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้น)
ใบลาออก จากความไม่สบายใจ (สละเวลาอ่านแค่ 2 นาที แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้น)

เป็นอีกหนึ่งบทความดีๆ ที่อย ากให้เพื่อนๆได้อ่าน ไม่สำคัญว่า มีทรัพย์มากหรือน้อย แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องใช้ให้น้อยต่างหากชีวิตจึงจะมีเหลือมากกว่าขาด คนจนยิ่งจน เพราะทำรวย คนรวยยิ่งรวย เพราะทำจน ทำตัวให้เป็นปกติ ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น ชีวิตก็จะเป็นปกติไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีเป็นคนอาภัพอับโชคที่สุดในโลก ยินดีในสิ่งที่ตนได้พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก อดทนได้ จงอดทน อดใจได้ จงอดใจ ไม่อดทน ไม่อดใจ เรื่องเล็กจักกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนที่มีความสุข มิใช่คนที่มีมากที่สุด แต่เป็นคนที่ต้องการน้อยที่สุด ยิ่งมีความต้องการน้อยลง สมบัติที่มีอยู่เดิม ก็ดูเหมือนมีมากขึ้น ความสุขหรือความทุกข์ของชีวิต บางครั้งเหมือน การมองผ่านกระจก หากกระจกใสสะอาด

เมื่อมองสิ่งใดย่อมมีแต่ความสุข ปราศจากความขุ่นมัว หากกระจกขุ่นมัว เมื่อมองสิ่งใด แม้เป็นสิ่งเดียวกัน ก็มีแต่ความทุกข์ใจ จงจำไว้ว่า ความสุขอยู่ไม่ไกล เพียงเช็ดกระจกให้ใส เช็ดใจให้สะอาดเท่านั้นเอง ทุกข์อยู่ที่ใจทุกข์ของใครก็ของมันทุ กข์อยู่ที่ใจ ใครจะเก็บไว้ก็ช่างมัน สุขอยู่ที่ใจ ฉันเก็บมันไว้ทุกวัน สุขอยู่ที่ใจ ฉันจะให้กันและกัน ฝึก 9 อย่างนี้ ความทุกข์จะเข้าไม่ถึงใจเรา วิธีการฝึกจิตใจของตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านให้มีสมาธิและสติอยู่ตลอดเวลาโดยกูรูได้ชี้แนะให้ประชาชนได้ลองฝึกควบคุมจิตใจของตัวเอง และเมื่อทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเองจิตใจเราจะได้สงบและไม่เป็นทุ กข์ มาดูกันเลยครับ

1 ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่าจงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญเวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเราอย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป
2 ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่าการสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดีนอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
3 ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่าอย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบเพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง
4 ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆหมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดีเป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูดหรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้นมีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว
5 ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอหมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่าเดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้ อยู่กับเราจนวันตาย

6 ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทาหมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่าเราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่าเรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกากับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลกแม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูกคนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา
7 ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจาก ความเป็นขี้ข้าของเงินหมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมันนาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมันเสื้อผ้ าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมันการที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้วก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมากชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน
8 ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบหมายความว่า การที่คนๆหนึ่งยอมเ สี ยเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็นใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผลไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลยไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตกกลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุขเพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น
9 ฝึกอยู่กับปัจจุบัน เคยได้ยินไหม คำนี้ “อยู่กับปัจจุบัน” พูดง่ายนะแต่ทำยากมากๆการอยู่ปัจจุบันก็คือการไม่หลงเข้าไปในความคิดของตน สติเท่านั้นที่จะเป็นตัวรู้ตัวดู ว่าตอนนี้เราคิด อะไรอยู่ สังเกตุดูง่ายๆ

-หากเรากำลังรู้สึกหดหู่ใจนั่นแปลว่า เรากำลังอยู่กับอดีต
-หากเรากำลังรู้สึกกังวลใจนั่นแปลว่า เรากำลังอยู่กับอนาคต
– หากเรากำลังรู้สึกดี และมีความสุขนั่นแปลว่า เรากำลังอยู่กับปัจจุบันพระพุทธเจ้าแนะนำว่า ให้ทำทีละอย่างโฟกัสทีละงาน ความทุกข์จะเข้าไม่ถึงใจเราแน่นอน 9 ข้อนี้ลองฝึกกันดูนะค่ะ เพื่อทางแห่งการพ้นทุกข์ไม่อยากทุกข์นี่แหละคือการดับทุกข์ด้วยตัวเอง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา susunaa