จงปล่อยวาง ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ธรรมะสอนใจ จากพระไพศาล วิสาโล เขาเป็นคนใฝ่ธรรม ชอบเข้าวัดทำบุญ อีกทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตีพาเพื่อนๆ ไปทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินในถิ่นทุรกันดารเป็นประจำ แม้อายุจะมากแล้ว ก็ยังขยันชวนคนไปสร้างโบสถ์ สร้างวิหารอย่างไม่รู้จักเหนื่อยแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ร่างกายเขาทรุดหนักอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ต้องนอนติดเตียง เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้าย แม้สติจะเลือนราง แต่เขามีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ลูกๆ อยากให้พ่อไปสงบ จึงเปิดเสียงสวดมนต์และคำบรรยายธรรมของครูบาอาจารย์หลายท่านให้ฟัง แต่ความกระสับกระส่ายของเขากลับไม่ได้ลดลงเลย ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจสำหรับลูกๆ มาก เพราะเขาเป็นคนธรรมะธัมโม น่าจะสงบใจเมื่อได้ฟังเสียงเหล่านั้น เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ลูก ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรขณะที่อาการของเขาแย่ลงเรื่อย ๆ เพื่อนสนิทของเขาก็มาเยี่ยม พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่เพื่อนผู้นั้นทำก็คือพูดข้างหูเขาว่า “เรื่องโบสถ์หลังนั้นที่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะช่วยกันสร้างให้เสร็จขอให้วางใจ” พูดจบเขาก็สงบลงทันที ไม่มีอาการกระสับกระส่ายอีกเลย จนกระทั่งสิ้นลมภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ก่อนที่จะป่วยหนัก เขามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโบสถ์หลังหนึ่งให้เสร็จ ถึงกับตั้งปณิธานว่า ถ้าโบสถ์ไม่เสร็จก็ยังตายไม่ได้ แต่ความตายไม่เคยรอท่า ทั้งยังพร้อมจะจู่โจมได้ทุกเวลา ดังนั้น เมื่อรู้ว่าความตายกำลังย่างกรายเข้ามาในขณะที่ความปรารถนายังค้างคา เขาจึงพยายามต่อสู้ขัดขืนความตาย แต่ยิ่งต่อสู้ขัดขืนมากเท่าไรก็ยิ่งทุกข์ทรมานและยิ่งกระสับกระส่าย ต่อเมื่อเพื่อนสนิทมาพูดให้คลายกังวล เขาจึงพร้อมรับความตาย และนั่นคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขาจากไปอย่างสงบเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง หากยังมีความห่วงกังวลหรือยึดติดถือมั่น การตายอย่างสงบย่อมเกิดขึ้นได้ยาก มิใช่แต่ความห่วงกังวลในทรัพย์สมบัติ ลูกหลาน และคนรักเท่านั้น ความห่วงภารกิจการงานที่ยังคั่งค้างก็ทำให้ตายอย่างทุรนทุรายได้
Read more